Search

นพ. เฟาชี แนะ “แตะเบรกเปิดเมือง” ลดยอดติดเชื้อพุ่งในอเมริกา - วีโอเอไทย - VOA Thai

jogja-grade.blogspot.com

นพ. เฟาชี แนะสหรัฐฯแตะเบรกการกลับมาเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจแบบเต็มสูบ เพื่อลดการระบาดของโควิด-19 ในประเทศ ที่ยอดติดเชื้อทะลุ 4 ล้านราย รับเจอจดหมายขู่ฆ่าทั้งครอบครัวหลังขึ้นเป็นที่ปรึกษาด้านโควิดประจำทำเนียบขาว

นพ. แอนโธนี เฟาชี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์เมื่อวันศุกร์ว่า ตอนนี้ไม่มีความจำเป็นต้องกลับไปใช้มาตรการล็อคดาวน์ทั้งหมด แต่ควรจะชะลอการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจในวงกว้างในระยะนี้ และควรพิจารณาการเปิดเมืองตามเงื่อนไขของหน่วยงานสาธารณสุขสหรัฐฯ เป็นหลัก

อีกด้านหนึ่ง นพ. เฟาชี ยอมรับว่าตนและครอบครัวได้รับจดหมายข่มขู่ถึงชีวิตในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ตอนนี้เขาต้องได้รับการคุ้มครองอารักขาจากเจ้าหน้าที่อยู่

คำแนะนำของนพ.เฟาชี มีขึ้นในช่วงที่สหรัฐฯ มียอดติดเชื้อทะลุ 4 ล้านราย และยังครองอันดับหนึ่งของโลก โดยแคลิฟอร์เนีย ฟลอริดา และเท็กซัส เป็นพิกัดการระบาดใหญ่ในประเทศ

ตัวเลขการติดเชื้อที่พุ่งสูงขึ้นได้กดดันให้ธุรกิจหลายแห่งต้องปิดตัวไป และพบการขอสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ก่อนเป็นครั้งแรกในรอบ 15 สัปดาห์

ยืนยัน วัคซีนโควิดจะเริ่มผลิตในวงกว้างได้ไตรมาสแรกปีหน้า

ที่ปรึกษาด้านโควิด-19 ประจำทำเนียบขาว ย้ำว่าวัคซีนโควิด-19 ของอเมริกาจะสามารถผลิตในวงกว้างได้ช่วงไตรมาสแรกปีหน้า ตามรายงานของ CNBC หลังจากที่หน่วยสาธารณสุขและทีมนักวิทยาศาสตร์อเมริกัน พบว่ามีวัคซีนอย่างน้อย 1 ชนิดที่ได้ผล และคาดว่าจะผลิตได้ช่วงปลายเดือนธันวาคมหรือต้นปีหน้า โดยประเมินว่าในช่วงต้นปีหน้าสหรัฐฯจะมีวัคซีนหลายล้านโดสอยู่ในมือแล้ว

ไม่ฟันธง ผู้เคยติดโควิด-19 จะไม่ติดซ้ำ หลังพบแอนติบอดีอยู่ได้นานเพียง 2-3 เดือน

ในวันเดียวกัน นพ.เฟาชี กล่าวถึงการศึกษาเรื่องแอนติบอดีที่จะป้องกันการกลับมาติดโควิดซ้ำสองด้วยว่า ยังจำเป็นต้องศึกษาเพิ่มเติมในเรื่องนี้ เพราะยังไม่สามารถประเมินระยะเวลาที่แอนติบอดีว่าจะช่วยป้องกันได้ยาวนานแค่ไหน หลังจากที่การศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ Nature Medicine เปิดเผยว่า แอนติบอดีของผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด-19 จะอยู่ได้นานเพียง 2-3 เดือนหลังจากติดเชื้อและหายดีแล้ว ซึ่งเป็นการศึกษาที่เก็บข้อมูลจากผู้ติดเชื้อโควิดทั้งแบบมีอาการและไม่แสดงอาการกว่า 70 คนในเมืองว่านโจว ของจีน

ขณะที่ตอนนี้หน่วยงานสาธารณสุขสหรัฐฯ ต่างมองว่าอเมริกาไม่อาจกลับไปเป็นเหมือนปกติที่เคยเป็นได้ จนกว่าจะมีวัคซีน จากที่ปัจจุบันยังไม่มียาหรือวัคซีนใดๆ ที่ทางองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ หรือ FDA รับรองว่าสามารถป้องกันและรักษาโควิด-19 ได้ รวมทั้งตอนนี้ยอดติดเชื้อโควิดทั่วโลกทะลุ 15.5 ล้านราย และคร่าชีวิต 6.4 แสนคน ส่วนที่สหรัฐฯมียอดติดเชื้อ 4 ล้านราย เสียชีวิต 1.4 แสนคน ตามข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอพกินส์ เมื่อวันศุกร์

พบแม่ชี 13 คนเสียชีวิตเพราะติดโควิดในคอนแวนต์เดียวกัน

คอนแวนต์คาธอลิกในเมืองลิโวเนีย ไม่ไกลจากเมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน เผยแม่ชี 13 คนในคอนแวนต์เดียวกันเสียชีวิตจากโควิด-19 ที่ระบาดในพื้นที่

โฆษกประจำคอนแวนต์ Felician Sisters เผยว่ามีแม่ชี 13 คนที่เสียชีวิตจากโคโรนาไวรัส โควิด-19 ซึ่งแม่ชีที่เสียชีวิตมีอายุระหว่าง 69-99 ปี โดยแม่ชี 12 คนเสียชีวิตไล่เลี่ยกันในช่วง 10 เมษายน – 10 พฤษภาคม ส่วนแม่ชีคนที่ 13 เสียชีวิตเมื่อปลายเดือนมิถุนายน คิดเป็นสัดส่วน 22% จากจำนวนแม่ชีทั้งหมดในคอนแวนต์แห่งนี้

ทางนายกเทศมนตรีเมืองลิโวเนีย Maureen Miller Brosnan เปิดเผยว่า แม่ชีจากคอนแวนต์ Felician Sisters มีความใกล้ชิดกับชุมชน ที่มีประชากรราว 93,000 คนอย่างมาก ส่วนหนึ่งจบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย และเป็นอาจารย์สอนหนังสือตามโรงเรียน ทำงานในห้องสมุดชุมชน รวมถึงทำงานในโรงพยาบาลด้วย ซึ่งถือเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อและเสียชีวิตจากโควิด-19 ด้วยเช่นกัน

ทั่วโลกเริ่มล็อคดาวน์ใหม่อีกครั้ง

ด้านสถานการณ์การระบาดทั่วโลก ตอนนี้บราซิลยังครองอันดับ 2 ที่ยอดติดเชื้อกว่า 2 ล้านราย อินเดียเป็นอันดับ 3 กว่า 1 ล้านราย ติดเชื้อใหม่เกือบ 5 หมื่นรายใน 24 ชั่วโมง และอีกหลายประเทศที่ต้องจับตา อย่างออสเตรเลีย ฮ่องกง และสเปน

ฝั่งฮ่องกง พบการระบาดพุ่งสูงรอบใหม่นับตั้งแต่ช่วงปลายปีก่อน ทำให้ต้องเริ่มใช้มาตรการล็อคดาวน์รอบใหม่อีกครั้ง ส่วนที่สเปนพบการติดเชื้อพุ่ง 4 เท่าตัว จนต้องกลับไปล็อคดาวน์ในบางพื้นที่ กระทบประชาชนหลายแสนคน




July 25, 2020 at 02:06AM
https://ift.tt/302m1ER

นพ. เฟาชี แนะ “แตะเบรกเปิดเมือง” ลดยอดติดเชื้อพุ่งในอเมริกา - วีโอเอไทย - VOA Thai

https://ift.tt/2REt1Df


Bagikan Berita Ini

0 Response to "นพ. เฟาชี แนะ “แตะเบรกเปิดเมือง” ลดยอดติดเชื้อพุ่งในอเมริกา - วีโอเอไทย - VOA Thai"

Post a Comment

Powered by Blogger.