Search

ตลาดเงินเคลื่อนไหวตอบรับการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลกหลังการเปิดเมือง - โพสต์ทูเดย์

jogja-grade.blogspot.com

ตลาดเงินเคลื่อนไหวตอบรับการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลกหลังการเปิดเมือง

วันที่ 08 มิ.ย. 2563 เวลา 06:57 น.

คอลัมน์ มันนี่วีก (Money week) โดย...วรันธร ภู่ทอง, มนัสวิน ฐิติสมบูรณ์ สายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย

สายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทยประเมินว่าเงินบาทผันผวนสูงต่อเนื่อง โดยอยู่ในกรอบ 31.30-31.70 ในสัปดาห์นี้ปัจจัยต่อการเคลื่อนไหวเงินบาทที่สำคัญมาจากความคืบหน้าจากการผ่อนคลายการปิดเมืองต่อเศรษฐกิจซึ่งจะยังหนุนให้ความต้องการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงกลับมาสูงขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่า ขณะที่ประเด็นข้อขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และจีนเป็นปัจจัยกดดันตลาด การประชุมนโยบายการเงินของเฟดเป็นปัจจัยต้องติดตาม โดยเฉพาะการประมาณการแนวโน้มเศรษฐกิจและแนวโน้มนโยบายการเงิน ขณะที่ตลาดคาดว่าเฟดจะยังคงมาตรการผ่อนคลายทางการเงินในการประชุมครั้งนี้ นอกจากนี้ การประชุมโอเปกพลัสในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะแนวโน้มปริมาณการผลิตที่ลดลงมากที่ผ่านมาจะเป็นประเด็นต่อการเคลื่อนไหวของตลาดเช่นกัน

ภาพรวมตลาดอัตราแลกเปลี่ยนในสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทยังเคลื่อนไหวในทิศทางแข็งค่าลงมากในกรอบ 31.43 – 31.80 โดยเงินบาทแข็งค่าสอดคล้องกับค่าเงินสกุลอื่นในภูมิภาค จากความหวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกหลังจากการเปิดเมือง โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นมากต่อเนื่องในช่วงปลายสัปดาห์จากความต้องการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงที่สูงขึ้นส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่า โดยเงินยูโรได้รับปัจจัยสนับสนุนจากขยายมาตรการซื้อสินทรัพย์ฉุกเฉิน (PEPP) เพิ่มเติม 6 แสนล้านยูโร ส่งผลให้ยอดเข้าซื้อรวมอยู่ที่ 1.35 ล้านล้านยูโร และขยายระยะเวลาของมาตรการออกไปอย่างน้อยจนถึงเดือนมิถุนายน 2020 เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจและแนวโน้มเงินเฟ้อ ส่วนในสหรัฐฯ ตัวเลขการจ้างงานเอกชนโดยเอดีพีชะลอการปรับลดลงที่ 2.75 ล้านในเดือนพฤษภาคมจากที่ลดลงถึง 19.6 ล้านคนในเดือนก่อนหน้า และดัชนีภาคอุตสาหกรรมสหรัฐฯ โดย ISM ปรับเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือนมาอยู่ที่ 43.1 จาก 41.5 สะท้อนว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้ผ่านพ้นจากจุดต่ำสุด ด้านธปท. แถลงว่าพร้อมที่จะออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อจำกัดการแข็งค่าของเงินบาท เนื่องจากเงินบาทแข็งค่าไม่สอดคล้องกับพื้นฐานเศรษฐกิจ

ด้านความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ-จีนยังคงรุนแรง เริ่มต้นจากประเด็นการใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติเกี่ยวกับฮ่องกงฉบับใหม่ที่ทำให้ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวในแถลงว่าสหรัฐฯ จะเริ่มขั้นตอนการถอดถอนการให้สิทธิพิเศษทางการค้าและเทคโนโลยีกับฮ่องกง และยังสัญญาว่าจะคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ทั้งจีนและฮ่องกงที่เกี่ยวข้องกับการทำลายอำนาจการปกครองอย่างอิสระของฮ่องกง ด้านจีนสั่งระงับการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ เพื่อตอบโต้ที่สหรัฐฯ จะหยุดให้สิทธิพิเศษแก่ฮ่องกง สหรัฐฯ ขู่จะระงับเที่ยวบินของจีนที่มายังสหรัฐฯ เนื่องจากจีนไม่ยอมให้เที่ยวบินจากสหรัฐฯ ลงที่จีนหลังจากสหรัฐฯ ร้องขอจะเริ่มกลับมาให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา ทั้งนี้ แรงกดดันลดลงในวันศุกร์หลังจากจีนยอมผ่อนคลายการสั่งห้ามสายการบินต่างประเทศเข้าประเทศตั้งแต่ 8 มิถุนายน ขณะที่ การเมืองในสหรัฐฯ ปะทุขึ้นจากเหตุประท้วงเรียกร้องความยุติธรรมให้กับจอร์จ ฟลอยด์ที่เสียชีวิตจากการกระทำของตำรวจ ทั้งนี้ เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 31.475 ในวันศุกร์ (เวลา 17.00 น.)

ภาพรวมตลาดตราสารหนี้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนอยู่ในโหมดเปิดรับความเสี่ยง ถึงแม้ประเด็นของความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีนยังคงอยู่ในระดับสูง โดยมีความเคลื่อนไหวจากทางจีนที่สั่งระงับการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ เพื่อตอบโต้ที่สหรัฐฯ จะหยุดให้สิทธิพิเศษแก่ฮ่องกง รวมไปถึงความขัดแย้งในประเด็นของเรื่องเที่ยวบินด้วย อย่างไรก็ตามตลาดกลับให้น้ำหนักกับปัจจัยบวกจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ โดย ISM เพิ่มขึ้นมาที่ 43.1 ในเดือนพฤษภาคม จาก 41.5 ในเดือนก่อน ตัวเลขฝ่ายจัดซื้อภาคบริการโดย ISM ฟื้นตัวในเดือนพฤษภาคมอยู่ที่ 45.4 สูงกว่าที่ตลาดประเมินที่ 44.4 และเดือนก่อนที่ 41.8 เนื่องจากกิจกรรมทางธุรกิจและคำสั่งซื้อเพื่อส่งออกเพิ่มขึ้น ขณะที่ตัวเลขผู้ว่างงานภาคเอกชนออกมาดีกว่าคาดการณ์มาก โดยลดลงในเดือนพฤษภาคมอยู่ที่ 2.76 ล้านคน ซึ่งคิดเป็นเพียง 1 ใน 3 ของที่ตลาดประเมินไว้ สอดคล้องกับตัวเลขยอดขอรับสวัสดิการผู้ว่างงานเบื้องต้นของสหรัฐฯ ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 30 พฤษภาคมลดลงโดยอยู่ที่ 1.88 ล้านคน ซึ่งถือเป็นการลดลงต่อเนื่องจากระดับสูงสุดในช่วงสิ้นเดือนมีนาคม ส่วนทางฝั่งของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ได้มีมติขยายวงเงินมาตรการซื้อสินทรัพย์ 6 แสนล้านยูโร มากกว่าที่ตลาดประเมินไว้ที่ 5 แสนล้านยูโร ทำให้วงเงินมาตรการขยายไปอยู่ที่ 1.35 ล้านล้านยูโร รวมทั้งขยายระยะเวลาของมาตรการไปอย่างน้อยถึงมิถุนายน 2021 และจะนำเงินจากสินทรัพย์ที่ครบกำหนดไปลงทุนต่อทั้งจำนวนอย่างน้อยถึงสิ้นปี 2022 มาตรการนี้ถือเป็นมาตรการเตรียมพร้อมสนับสนุนตลาดการเงินเนื่องจากวงเงินที่ใช้ไปแล้วคิดเป็นเพียง 1 ใน 3 เท่านั้น ขณะที่คาดการณ์เศรษฐกิจ อีซีบีประเมินว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะหดตัวถึง 8.7% ในปี 2020 ก่อนที่จะกลับมาขยายตัว 5.2% ในปี 2021 และตัวเลขอัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ต่ำกว่าระดับเป้าหมายที่ 2% ไปอย่างน้อยถึงสิ้นปี 2022 ปัจจัยข้างต้นนี้ทำให้นักลงทุนขายสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างพันธบัตรรัฐบาลเพื่อเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของประเทศเศรษฐกิจหลักปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น

สำหรับประเด็นในประเทศนั้นมีการรายงานผลการประชุมนโยบายการเงินของวันที่ 20 พฤษภาคม ที่คณะกรรมการฯ มีมติลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 25bps มาอยู่ที่ระดับ 0.50% เนื่องจากเศรษฐกิจมีแนวโน้มหดตัวมากกว่าที่ประเมินไว้ และเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัวช้าและศักยภาพการเติบโตในระยะยาวจะต่ำลง โดยมองว่ามาตรการการคลังและการลงทุนภาครัฐเป็นเครื่องมือหลักในการสนับสนุนการจ้างงานและธุรกิจ SMEs ขณะที่ธปท.เริ่มมีความกังวลในประเด็นของเงินบาทที่แข็งค่า โดยเตรียมออกมาตรการลดแรงกดดันของเงินบาทจากการส่งออกทองคำ นอกจากนี้มีการประกาศอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนพฤษภาคมออกมาติดลบเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันที่ -3.44%YoY ติดลบมากกว่าตลาดคาดที่ -3.21%YoY และเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่สิงหาคม 2009 จากราคาพลังงานเป็นสำคัญ ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.01%YoY สำหรับความเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นทิศทางเดียวกับตลาดโลก และเป็นการปรับตัวโดยที่ความชันของเส้นอัตราผลตอบแทนมีความชันสูงขึ้น ทำให้ ณ วันที่ 05 มิถุนายน 2563 อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลไทยรุ่นอายุ 1, 2, 3, 5, 7 และ 10ปี อยู่ที่ 0.52% 0.57% 0.70% 0.94% 1.17% และ 1.40% ตามลำดับ

กระแสเงินทุนต่างชาติในสัปดาห์ที่ผ่านมาไหลเข้าสู่ตลาดตราสารหนี้ไทยรวมสุทธิประมาณ 14,455 ล้านบาท ซึ่งเป็นการซื้อสุทธิในตราสารหนี้ระยะสั้น 6,146 ล้านบาท ซื้อสุทธิในตราสารหนี้ระยะยาว 8,610 ล้านบาท และมีตราสารหนี้ที่ถือครองโดยนักลงทุนต่างชาติหมดอายุ 301 ล้านบาท กระแสเงินทุนไหลเข้าดังกล่าวสอดคล้องกับกระแสเงินทุนในตลาดหุ้นเช่นกัน




June 08, 2020 at 07:02AM
https://ift.tt/2UiU0p0

ตลาดเงินเคลื่อนไหวตอบรับการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลกหลังการเปิดเมือง - โพสต์ทูเดย์

https://ift.tt/2REt1Df


Bagikan Berita Ini

0 Response to "ตลาดเงินเคลื่อนไหวตอบรับการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลกหลังการเปิดเมือง - โพสต์ทูเดย์"

Post a Comment

Powered by Blogger.