วันอาทิตย์ ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2563, 06.00 น.
ทรงเปิดนิทรรศการพิเศษ
ด้วยความสำคัญของวันอนุรักษ์มรดกไทย วันที่ ๒ เมษายน ทุกปีนั้น ทำให้มีการจัดกิจกรรมอนุรักษ์ ฟื้นฟู เสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ และสร้างจิตสำนึกในการทำนุบำรุง รักษามรดกศิลปวัฒนธรรมของชาติ เพื่อให้คนไทยได้ร่วมสืบสาน รักษา ต่อยอดความรู้ศาสตร์ความรู้ให้แพร่หลาย ตามพระราชปณิธาน “การรักษามรดกไทย เป็นการรักษาชาติ” ดังนั้น ในวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๖๓ ปีนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดนิทรรศการพิเศษ ณ พระที่นั่งศิวโมกพิมาน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ซึ่งจัดโดยกระทรวงวัฒนธรรมกรมศิลปากร โดยถอดบทเรียนจากความรู้ในหนังสือ “สาส์นสมเด็จ” อันเป็นพระนิพนธ์ของสองสมเด็จผู้เป็นปราชญ์แผ่นดิน ผู้ได้รับการยกย่องเป็นบุคคลสำคัญของโลกจากยูเนสโกทั้งสองพระองค์ คือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ผู้ได้รับการยกย่องว่าทรงเป็น “พระบิดาแห่งช่างศิลปะไทย”และ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ผู้ได้รับการยกย่องว่าทรงเป็น “พระบิดาแห่งประวัติศาสตร์และโบราณคดีไทย” เจ้านายทั้งสองพระองค์นี้ทรงมีบทบาทสำคัญในการถ่ายทอดความรู้ให้เกิดศิลปวิทยาการหลายด้าน เช่น ด้านการจัดพิพิธภัณฑสถาน ด้านดนตรี ด้านนาฏศิลปะ ด้านประวัติศาสตร์โบราณคดีโดยเฉพาะงานโบราณคดีก่อนประวัติศาสตร์ งานเอกสารจดหมายเหตุ งานภาพเก่าและอื่นๆ ด้านภาษาและหนังสือ ด้านศิลปกรรม โดยเฉพาะงานสถาปัตยกรรมพระเมรุมาศ งานประณีตศิลปไทยงานอนุสาวรีย์และการออกแบบ เป็นต้นดังปรากฏผลงานการสืบทอดจากศิลปะวิทยาการของสองสมเด็จฯในการที่มีการจัดตั้งกรมศิลปากร รับผิดชอบงานที่ทั้งสองพระองค์ได้ทรงริเริ่มแต่แรกคือพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติหอสมุดแห่งชาติหอจดหมายเหตุแห่งชาติหอประติมากรรมต้นแบบ หอศิลป ซึ่งมีหน่วยงานขยายความรับผิดชอบไปทั่วประเทศ ได้แก่สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กองโบราณคดีสำนักสถาปัตยกรรม สำนักการสังคีต สำนักช่างสิบหมู่ สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ สำนักหอสมุดแห่งชาติ กองโบราณคดีใต้น้ำ และสำนักศิลปากรที่ ๑-๑๒ เป็นต้น
คณะกรรมการวันอนุรักษ์มรดกไทย
นิทรรศการพิเศษนี้ถอดบทเรียนจากหนังสือชุดสาส์นสมเด็จ ซึ่งเป็นหนังสือที่รวบรวมพระหัตถเลขาส่วนพระองค์ที่ทรงอันมีไป-มาระหว่างกันเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ความคิด จากเรื่องราวที่ปรากฏ จึงมีลักษณะรอบรู้หลากหลายถึงพร้อมด้วยพระอัจฉริยภาพมีลักษณะเป็นสหวิทยาการเป็นคุณประโยชน์อย่างยิ่ง แก่การรู้จักเรื่องไทยศึกษา ทั้งประวัติศาสตร์โบราณคดี ศาสนา ศิลปกรรม วรรณคดี และอักษรศาสตร์ ฯลฯ มีคุณค่าเป็นหนังสืออ้างอิงสำคัญเล่มหนึ่ง ผู้อ่านสามารถโดยเสด็จในทางความรู้และอ่านอย่างจำเริญใจได้ เพราะลีลาพระนิพนธ์ เป็นการเขียนจดหมาย มิใช่เพื่อแต่งตำรา แต่เป็นจดหมายเหตุของสองสมเด็จสองพระองค์ที่ต่างทรงเป็นกำลังสำคัญของบ้านเมือง มาตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จนกระทั่งเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 แล้ว สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ จึงเสด็จไปประทับที่ปีนัง ขณะสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ยังทรงดำรงตำแหน่ง ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินในช่วงหลังวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ ขณะที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จไปประทับต่างประเทศ โดยพระสถานะที่มีโอกาสจะรู้ และสามารถศึกษาความรู้ได้ โดยความสนพระทัย และพระปรีชาในทางส่วนพระองค์ เป็นปัจจัยสำคัญต่อการมีส่วนร่วมทางสังคม ทางวิชาการอันเป็นที่มาแห่งความรู้ และการที่ทรงแลกเปลี่ยนความรู้ เมื่อสองพระองค์ล่วงเข้าพระปัจฉิมวัยจึงได้แสดงถึงความคิด ความสุขุมคัมภีรภาพ รสนิยม และพระนิสัยใฝ่ดี อันควรจูงใจคนให้โดยเสด็จ แม้โอกาสของแต่ละคนและความเป็นไปได้จะทำให้ดีเสมอเหมือน จึงเป็นต้นแบบในการนำทางความคิด และสุนทรียภาพทางปัญญาที่เป็นการถอดบทเรียนครั้งแรกที่หาได้ยากยิ่ง

ทอดพระเนตรนิทรรศการฯ

เสด็จเปิดนิทรรศการพิเศษ

ทอดพระเนตรนิทรรศการฯ

สองสมเด็จฯ

ทรงจัดพิพิธภัณฑ์ครั้้งแรก

หอสมุดแห่งชาติสมัยแรก

วันเปิดพิพิธภัณฑ์สสถานแห่งชาติ

ทรงออกแบบงานช่าง

ทรงตรวจโบราณสถาน

ทรงบันทึกท่ารำ

พระรูปหล่อสมเด็จกรมพระยาดำรงฯ

พระรูปหล่อสมเด็จเจ้าฟ้านริศฯ

หนังสือนิทรรศการพิเศษ

สาส์นสมเด็จ ๒๔๘๐-๘๖

ลายพระหัตถ์สาส์นสมเด็จ

นิทรรศการพิเศษฯ
August 23, 2020 at 06:00AM
https://ift.tt/31n55cO
ภูมิบ้าน ภูมิเมือง : 'สองสมเด็จฯ' ภูมิศิลปวิทยาการแห่งสาส์นสมเด็จ - หนังสือพิมพ์แนวหน้า
https://ift.tt/2REt1Df
Bagikan Berita Ini
0 Response to "ภูมิบ้าน ภูมิเมือง : 'สองสมเด็จฯ' ภูมิศิลปวิทยาการแห่งสาส์นสมเด็จ - หนังสือพิมพ์แนวหน้า"
Post a Comment